เมนู

เหมือนลิ่มสลักแห่งรถ ที่แล่นไปอยู่ ฉะนั้น1 บุคคลได้เกียรติ ความ
สรรเสริญ เพราะกรรม และได้ความเสื่อม การถูกฆ่า การถูกจองจำก็
เพราะกรรม บุคคลรู้ชัดซึ่งกรรมนั้นว่า เป็นเครื่องทำให้ต่างกันฉะนี้แล้ว
ไฉนจะพึงกล่าวว่า กรรมไม่มีในโลกเล่า
ดังนี้ เป็นสูตรมีอยู่จริง มิใช่หรือ ?
ส. ถูกแล้ว.
ป. ถ้าอย่างนั้น สิ่งทั้งปวงนี้ ก็เป็นเพราะกรรม น่ะสิ.
สัพพมิทัง กัมมโตติกถา จบ

อรรถกถาสัพพมิทัง กัมมโตติกถา



ว่าด้วย สิ่งทั้งปวงนี้เป็นเพราะกรรม



บัดนี้ ชื่อว่าเรื่องสิ่งทั้งปวงนี้เป็น คือเกิด เพราะกรรม. ในเรื่องนั้น
ชนเหล่าใดมีความเห็นผิดดุจลัทธินิกายราชคิริกะและสิทธัตถิกะทั้งหลาย
ว่า สิ่งทั้งปวงนี้กล่าวคือ กัมมวัฏฏะ กิเลสวัฏฏะ วิปากวัฏฏะเกิดมา
เพราะกรรมเทียว เพราะอาศัยพระสูตรว่า โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
ดังนี้ คำถามของสกวาทีว่า สิ่งทั้งปวง เป็นต้นหมายถึงชนเหล่านั้น
คำตอบรับรองเป็นของปรวาที. ลำดับนั้น สกวาทีเพื่อจะท้วงด้วยคำว่า
ครั้นเมื่อความเป็นเช่นนั้นมีอยู่ แม้กรรมก็ย่อมเกิดแต่กรรม ดังนี้ จึง
กล่าวว่า แม้กรรมก็เป็น คือเกิด เพราะกรรมหรือ ? ปรวาทีตอบปฏิเสธ
ด้วยคำว่า ผิว่า แม้กรรมชื่อว่าเกิดแต่กรรมจริงไซร้ กรรมนั้นก็พึงเป็น
วิบากเท่านั้น ดังนี้. คำว่า สิ่งทั้งปวงนี้เป็นเพราะเหตุที่ทำไว้ในกาล

1. ขุ. สุ. 25/382.

ก่อนหรือ สกวาทีถามเพื่อท้วงว่า ถ้าว่า สิ่งทั้งปวงเกิดแต่กรรม สิ่งนั้น
ก็พึงมีเหตุที่ทำไว้แล้วในกาลก่อน. ปรวาทีตอบปฏิเสธเพราะกลัวเป็น
ลัทธิปุพเพกตเหตุวาทะ. คำว่า เป็นพระวิบากแห่งกรรมหรือ สกวาที
ถามเพื่อท้วงว่า ถ้าว่า สิ่งทั้งปวงย่อมเกิดเพราะกรรม กรรมใดที่เป็นเหตุ
แห่งความเป็นไปในอดีตภพ กรรมแม้นั้นก็เกิดจากกรรมในภพก่อน
เพราะฉะนั้น กัมมวิบากย่อมสำเร็จ ด้วยเหตุนั้น สิ่งทั้งปวงย่อมปรากฏ
เพราะกัมมวิบากตามลัทธิของท่านด้วยเหตุนั้นหรือ ดังนี้. ปรวาทีตอบปฏิเสธ
เพราะหมายเอาความเกิดแต่กรรมของความเป็นไปในปัจจุบันเท่านั้น
เหมือนหน่อแห่งพืชย่อมเกิดมาจากพืช. ถูกถามครั้งที่ 2 ท่านก็ตอบรับรอง
เพราะความที่กรรมแม้นั้นเป็นไป เพราะกรรมในก่อนเหมือนหน่อแห่งพืช
ย่อมเกิดจากพืชต้นก่อน. คำว่า บุคคลพึงฆ่าสัตว์ เป็นต้น สกวาที
กล่าวเพื่อท้วงว่า ผิว่า สิ่งทั้งปวงเกิดแต่กัมมวิบากไซร้ บุคคลก็พึงทำ
ปาณาติบาตเป็นต้นด้วยกัมมวิบากนั้นนั่นแหละ. ปรวาทีตอบรับรองตาม
ลัทธิว่า แม้เจตนาในความเป็นผู้ทุศีลที่เกิดขึ้นในกรรมก่อนก็เป็นวิบาก
โดยปริยายหนึ่งทีเดียว. ลำดับนั้น สกวาทีจึงกล่าวว่า ปาณาติบาตมี
ผลหรือ
เพื่อท้วงว่า ถ้าว่า ปาณาติบาตย่อมสำเร็จจากกัมมวิบากตาม
ลัทธิของท่านไซร้ แม้วิบากก็มีผลปรากฏเหมือนปาณาติบาต ดังนี้ ปรวาที
เมื่อเห็นซึ่งความที่ปาณาติบาตมีผล เพราะความเป็นผลให้เกิดในนรก
เป็นต้น จึงตอบรับรอง. แต่เมื่อไม่เห็นฐานะที่สกวาทีกล่าวว่า สิ่งชื่อนี้
เป็นผลของกัมมวิบาก จึงตอบปฏิเสธ. แม้ใน อทินนาทาน เป็นต้น ก็นัยนี้.
คำว่า คิลานปัจจยเภสัชชบริขาร มีผลหรือ ความว่า สกวาที
ย่อมถามว่า ผลแห่งการให้ทานมีอยู่ด้วยสามารถแห่งไทยธรรมหรือ ดังนี้.

พระสูตรว่า โลกคือสัตว์โลก เป็นไปเพราะกรรม ย่อมแสดงซึ่งความที่
บุคคลนับถือกรรมว่าเป็นของตน ของกัมมวาทีบุคคลว่า กรรมมีอยู่
เพราะปฏิเสธอกัมมวาทีบุคคล ที่กล่าวว่า กรรมไม่มีอยู่ ดังนี้ มิใช่แสดง
ซึ่งความที่สิ่งทั้งปวงเกิดขึ้นเพราะกรรมเลย เพราะฉะนั้น พระสูตรนี้
จึงไม่สำเร็จดังลัทธินั้น ดังนี้แล.
อรรถกถาสัพพมิทัง กัมมโตติกถา จบ

อินทริยพัทธกถา



[1701] ปรวาที สิ่งที่เนื่องด้วยอินทรีย์เท่านั้น เป็นทุกข์ หรือ ?
สกวาที ถูกแล้ว.
ส. สิ่งที่เนื่องด้วยอินทรีย์เท่านั้น ไม่เที่ยง เป็นสังขตะ
อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็น
ธรรมดา มีความคลายไปเป็นธรรมดา มีความดับไปเป็นธรรมดา มีความ
แปรไปเป็นธรรมดา หรือ ?
ป. ไม่พึงกล่าวอย่างนั้น ฯลฯ
ส. สิ่งที่ไม่เนื่องด้วยอินทรีย์ก็ไม่เที่ยง เป็นสังขตะ อาศัย
ปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา มีความเสื่อมไปเป็นธรรมดา
มีความคลายไปเป็นธรรมดา มีความดับไปเป็นธรรมดา มีความแปรไป
เป็นธรรมดา มิใช่หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. หากว่า สิ่งที่ไม่เนื่องด้วยอินทรีย์ ก็ไม่เที่ยง เป็น
สังขตะ อาศัยปัจจัยเกิดขึ้น มีความสิ้นไปเป็นธรรมดา มีความเสื่อมไป
เป็นธรรมดา มีความคลายไปเป็นธรรมดา มีความดับไปเป็นธรรมดา
มีความแปรไปเป็นธรรมดา ก็ต้องไม่กล่าวว่า สิ่งที่เนื่องด้วยอินทรีย์
เท่านั้นเป็นทุกข์.
[1702] ส. สิ่งที่ไม่เนื่องด้วยอินทรีย์ ไม่เที่ยง เป็นสังขตะ อาศัย
ปัจจัยเกิดขึ้น ฯลฯ มีความแปรไปเป็นธรรมดา แต่มันไม่เป็นทุกข์ หรือ ?
ป. ถูกแล้ว.
ส. สิ่งที่เนื่องด้วยอินทรีย์ ไม่เที่ยง เป็นสังขตะ ฯลฯ มี